มีโอกาสได้ร่วมทริปดีๆกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับจังหวัดแม่ฮ่องสอน ร่วมสืบสานประเพณีปอยส่างลอง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ประจำปี 2561 การบรรพชาสามเณรหมู่ตามความเชื่อดั้งเดิมของชาวไต (ไทยใหญ่) ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน
ประเพณีปอยส่างลองเป็นประเพณีของชาวไตที่มีความสำคัญและยิ่งใหญ่ ซึ่งจัดงานเป็นประจำทุกปีเป็นงานประเพณีที่แสดงถึงความศรัทธาอันแรงกล้าในพระพุทธศาสนาของชุมชนท้องถิ่น ตลอดจนการสืบทอดประเพณีจากรุ่นสู่รุ่น เพื่อสืบสานและอนุรักษ์ประเพณีอันดีงามให้สืบไปชั่วลูกชั่วหลานที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น โดยเฉพาะขบวนแห่ส่างลอง (แห่ครัวหลู่) นับได้ว่ามีความสวยงามตามแบบประเพณีโบราณของชาวไตอย่างแท้จริง รวมถึงพิธีกรรมทางพุทธศาสนา ทำให้ประเพณีปอยส่างลองได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติให้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวยังจังหวัดแม่ฮ่องสอน พร้อมกับการร่วมทำบุญสืบสานงานประเพณีดังกล่าวด้วย
คำว่า “ ปอยส่างลอง ” เป็นภาษาไทใหญ่เกิดจากคำ 3 คำ มาสมาสกัน คือ คำว่า “ ปอย ” แปลว่า “ งาน ” คำว่า “ ส่าง ” สันนิษฐานว่าเพี้ยนมาจากคำว่า “ สาง ” หรือ “ ขุนสาง ” หมายถึงพระพรหม ในหนังสือธรรมะของชาวไทใหญ่กล่าวถึงว่า “ พระคณิตพรหมได้ถวายจีวรแก่เจ้าชายสิทธัตถะ ณ ริมฝั่งแม่น้ำอโนมา เมื่อคราวที่หนีออกไปบวช ” อีกความหมายหนึ่งนั้น คำว่า “ ส่าง ” มาจากคำว่า “ เจ้าส่าง ” หมายถึงสามเณร ส่วนคำว่า “ ลอง ” มาจากคำว่า “ อลอง ” แปลว่า พระโพธิสัตว์ หรือหน่อพุทธางกูร
ดังนั้นงาน “ ปอยส่างลอง ” ก็คืองานบวชลูกแก้วของชาวล้านนานั่นเอง ประวัติความเป็นมา ส่างลอง มีความหมาย ๒ นัย คือ นัยที่หนึ่งเป็นคำผสมระหว่างคำว่า “ ส่าง ” หมายถึง เจ้าส่าง คือสามเณรในภาษาไทย กับคำว่า “ ลอง ” หรือ “ อลอง ” หมายถึงหน่อกษัตริย์หรือผู้ที่เตรียมจะเป็นส่างลองคือผู้ที่เตรียมจะเป็นสามเณร ส่วนนัยที่สอง ถือตามความในวรรณกรรมไตเรื่อง “ อ่าหนั่นต่าตองป่าน ” หรือ เรื่องการทูลถามของพระอานนท์ เกี่ยวกับการเป็นส่างลองว่ามีอานิสงส์มากน้อยอย่างไร
การจัดงานบวชเณรของชาวไทใหญ่ หรือส่างลองนั้น เป็นพิธีที่ต้องเตรียมงานกันนานใช้เวลาจัดงาน 3-5 วันมีการเชิญผู้มาร่วมงานเป็นจำนวนมาก และมีขั้นตอนโดยแบ่งเป็นวันต่างๆดังนี้
วันแรก เรียกว่า วันรับส่างลอง ในตอนเช้าเจ้าภาพส่างลองจะนำบรรดาเด็กชายไปวัด เพื่อแต่งชุดส่างลองด้วยการนุ่งโจงกระเบนสีสดปล่อยชายด้านหลังยาวจับกลีบ คาดด้วยเข็มขัดนาคหรือเงิน สวมเสื้อแขนกระบอกโค้งงอน เสื้อปักฉลุลายดอกไม้สีต่างๆ ศีรษะโพกผ้าแพรเกล้ามวยเสียบด้วยดอกไม้ เช่น ดอกเอื้องคำ หรือดอกไม้อื่นๆ แต่งหน้าส่างลองด้วยการ เขียนคิ้ว ทาปาก สีแดง และสวมถุงเท้าสีขาว ถือเป็นการแต่งตัวอลองเต็มตัว พระสงฆ์ให้ศีลให้พรอบรมสั่งสอน
หลังจากเสร็จพิธีรับส่างลองแล้ว “ตะแปส่างลอง” จะเอาส่างลองขี่คอลงมาจากวัดมาฟ้อนรำบริเวณหน้าวัดเป็นการเฉลิมฉลองและต้อนรับส่างลอง บรรดาพ่อแม่ส่างลองและเหล่าญาติก็จะโปรยข้าวตอกดอกไม้เป็นการอนุโมทนาสาธุ เป็นภาพที่น่าดูและน่าชื่นชมมาก หลังจากฟ้อนรำฉลองการต้อนรับส่างลองจนเป็นที่น่าพอใจแล้ว คณะส่างลองก็จะเคลื่อนขบวนไปยังศาลเจ้าพ่อหลักเมืองหรือศาลเจ้าประจำหมู่บ้าน ในขณะที่แห่ส่างลองไปตะแปส่างลองก็จะเต้นไปด้วยส่างลองก็จะโยกตัวไปตามเป็นภาพที่สวยงามยิ่ง และที่เด่นอีกอย่างในขบวนแห่ส่างลองก็คือ “ทีคำ” (ร่มทองคำ) ที่ใช้กางกั้นบังแดดให้ส่างลอง ซึ่งจะมีจำนวนเท่ากับจำนวนส่างลอง “ทีคำ”จะใช้กางเฉพาะส่างลองหรือพระพุทธรูปเท่านั้น
จากนั้น “ตะแปส่างลอง” หรือผู้ให้ขี่คอ นำส่างลองไปนมัสการสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เช่น ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ศาลหลักเมือง เจ้าคณะจังหวัด และญาติผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือในขบวนจะมี “ทีคำ”หรือร่มทองคำกางบังแดดให้ส่างลอง
ในวันแรกนี้ บ้านเจ้าภาพส่างลองทุกบ้านจะมีคนมาช่วยกันเตรียมอาหารไว้บริการส่างลอง ตะแปส่างลองและผู้มาร่วมงานทุกคนตลอดทั้งวัน แม้กระทั่งกลางคืนก็จะมีผู้คนมาเยี่ยมเจ้าภาพ มาร่วมทำบุญบ้าง ผู้มาร่วมงานจะมีจำนวนมากมาย เจ้าภาพก็จะจัดเตรียมน้ำดื่ม ขนมนมเนย หมากเมี่ยงบุหรี่มาเลี้ยงดูทุกคน และมีกลองมองเซิงมาตั้งไว้ให้บรรเลงกันเป็นที่สนุกสนานเป็นช่วงๆ ไป พอตกดึกก็จะมี “เฮ็ดกวาม” และบรรเลงกลองมองเซิงสลับกันจนถึงรุ่งเช้า
วันที่ 2 เรียกว่า วันข่ามแขก คือ วันรับแขกนั่นเอง จะเป็นวันที่ญาติพี่น้องจากหมู่บ้านอื่นมาร่วมงานอย่างพร้อมเพรียงกัน วันนี้นับว่าสำคัญยิ่งเพราะจะมีพิธีต่างๆ 3 พิธี คือ พิธีการแห่โคหลู่ (เครื่องไทยธรรม) การเลี้ยงอาหารส่างลองเต็มรูปแบบ (กับข้าว 12 อย่าง) และทำพิธีเรียกขวัญส่างลอง
วันนี้เจ้าภาพจะต้องเตรียมข้าวปลาอาหารไว้มากกว่าปกติ ญาติที่มาร่วมงานจะผูกข้อมืออวยพรให้ อลอง ชื่นชมบารมีของอลอง ช่วยงาน และร่วมสนุกสนานต่างๆ เป็นการเฉลิมฉลองอลอง ตั้งแต่ตอนเช้าจะมีผู้คนจากทั่วทุกหมู่บ้านแต่งกายกันอย่างสวยงามใครมีแก้วแหวนเงินทองเครื่องประดับอะไรก็จะสวมใส่ประชันกันอย่างเต็มที่ต่างช่วยกันจัดเตรียมเครื่องไทยธรรมและอัฐบริขารที่จะนำไปเข้าขบวนแห่โคหลู่ (ไทยธรรม) เครื่องไทยธรรมทุกชิ้นจะนำมาแห่พร้อมกันในวันนี้เสมือนหนึ่งเป็นการเลียบนครของอลอง เป็นกิจกรรมแสดงถึงความหรูหราและพร้อมเพรียงของงานปอยส่างลอง เหล่าญาติ และศรัทธาประชาชนจะพร้อมเพรียงกันมาร่วมขบวนแห่อย่างสนุกสนาน ช่วยกันถือ ช่วยกันแบก ช่วยกันหามอัฐบริขาร เครื่องไทยธรรมทุกชิ้นทั้งเล็กและใหญ่ได้นำมาจัดเรียงร่วมขบวนให้ครึกครื้นสวยงาม ทุกคนมีความรู้สึกร่วมในส่วนบุญด้วยศัทธาและเต็มใจ
วันที่ 3 เรียกว่า วันแห่ครัวหลู่ เป็นวันแห่งเครื่องไทยทาน มีการแห่ส่างลองกับเครื่องไทยทานจากวัดกลางทุ่ง ไปตามถนนสายต่างๆ
ในช่วงเช้ามีผู้มีจิตศรัทธาร่วมขบวนมากมายเพื่อช่วยกันแบกหามเครื่องอัฐบริขาร เครื่องไทยธรรม ทั้งเล็กและใหญ่
ขบวนแห่ประกอบด้วยจีเจ่ (กังสดาล) ม้าเจ้าเมือง ต้นตะเป่ส่าพระพุทธ ต้นตะเป่ส่าพระสงฆ์ ปุ๊กข้าวแตก เทียนเงินเทียนทอง พุ่มเงินพุ่มทองอู่ต่องปานต่อง หม้อน้ำต่า อัฐบริขาร
ดนตรีประโคมและขบวนแห่ส่างลอง โดยให้ส่างลองขี่คอพี่เลี้ยงเรียกว่า “ตะแปส่างลอง” มีกลดทองหรือ “ทีคำ” แบบพม่าไว้บังแดด ตอนเย็นมีการแสดงมหรสพสมโภชตามประเพณีไตที่วัดหัวเวียง
วันที่ 4 เรียกว่า วันข่ามส่าง หรือวันหลู่ คือจะนำส่างลองไปบรรพชาเป็นสามเณรหากในการจัดงานมี จางลอง คือผู้ที่จะอุปสมบทเป็นพระภิกษุอยู่ด้วย ก็จะทำกันตั้งแต่เช้าตรู่ เรียกกันว่า ยาบจาง การหยาบจางหรืออุปสมทบจะเริ่มราวๆ 04.00-05.00 น. ตะแปจางลองจะแต่งตัวจางลองและนำจางลองขี่ม้าแห่ไปวัด โดยมี จีเจ่ (กังสดาล) ตีนำขบวน และอาจมีดนตรีพื้นบ้านหรือกล่องก้นยาวร่วมขบวนไปด้วย เมื่อถึงวัดก็จะเวียนรอบโบสถ์ ๓ รอบ แล้วทำพิธีอุปสมบทในโบสถ์ หากวัดใดไม่มีโบสถ์เจ้าภาพก็จะร่วมกับทางวัดจัดทำ สิ่มน้ำ คือจะทำศาสาที่ประกอบพีอุปสมบทอยู่กลางแม่น้ำหรือในบึงแล้วนิมนต์พระสงฆ์มาทำพิธีอุปสมบทในสิ่มน้ำนี้
ในวันข่ามส่าง ผู้คนจะมาชุมนุมกันที่วัดกันตั้งแต่เช้า โดยเฉพาะคนเฒ่าคนแก่จะไปถึงวัดก่อนพร้อม อุ๊บ หรือขันดอกไม้ จนได้เวลาพอสมควรก็จะมีการ ถ่อมลีก คืออ่านหนังสือธรรมะให้ทุกคนฟังอันเป็นการกล่อมเกลาจิตใจให้ตั้งมั่นอยู่ในความดีซึ่งถือเป็นประเพณีสืบทอดกันมานานผู้ฟังก็จะนั่งฟังอย่างสงบและสำรวมกิริยาอาการ เมื่อได้เวลาฉันเพลก็จะมีการถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์ที่นิมนต์มาร่วมพิธีบรรพชาสามเณรก่อนแล้วจึงเลี้ยงอาหารผู้มาร่วมงานในพิธี เป็นอันเสร็จสิ้นพิธี
ก่อนเข้าสู่การบวชส่างลองได้ไปเยี่ยมท่านผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนด้วย ซึ่งมีการบวชทั้งหมด 51 รูป มีทั้งส่างลองและจางลอง (ส่างลองคือบวชเป็นเณร) ส่วนจางลองคือบวชเป็นพระผู้ที่จะบวชมีอายุเกิน 11 ปี
โดยในปีนี้มีจัดงานปอยส่างลองอย่างยิ่งใหญ่ที่วัดกลางทุ่ง อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ระหว่างวันที่ 2-6 เมษายน 2661 และยังมีกำหนดจัดงานประเพณีปอยส่างลองในหลายพื้นที่ของจังหวัดแม่ฮ่องสอน
มีโอกาสได้นั่งพูดคุยกับคุณยายอำภา คำพา และหลานชายคือ ด.ช.ณัฎฐ์ แสงงาม หรือน้องขนมต้ม บุตรชายของแพทย์หญิงศรัญญา-นายบุญสนอง แสงงาม ซึ่งเข้าร่วมเป็นส่างลองและบวชในครั้งนี้ ดีกรีของน้องไม่ธรรมดา เพราะกำลังศึกษาอยู่โรงเรียนอินเตอร์เนชั่นแนลในกรุงเทพ หรือ Raffles School
ความที่คุณยายเป็นชาวแม่ฮ่องสอน จึงอยากให้หลานชายได้สืบสานธรรมเนียมและบวชเรียนตามประเพณีดั้งเดิม ซึ่งคุณยาย ก็บวชให้ลูกชายมาแล้วหนึ่งคน จึงอยากให้หลานชายได้บวชด้วยเช่นเดียวกัน
คุณยายบอกว่ามีความภูมิใจในความเป็นชาวแม่ฮ่องสอน และมีศรัทธาในพระพุทธศาสนาอยากทำบุญ ประกอบกับธรรมเนียมเดิมที่ปู่ย่าตายายยึดถือกันมา เช่นเดียวกันแม่ของน้องขนมต้มจึงได้นำหลานมาบวช และเตรียมการทุกอย่างเป็นอย่างดี เชื่อว่าใครที่ร่วมกิจกรรมในครั้งนี้เพราะอยากทำบุญสั่งสมความดี และภูมิใจในประเพณีของชาวแม่ฮ่องสอนที่ไม่เหมือนใคร ส่วนหลานชายกล่าวว่ารู้สึกสนุกและมีความสุขไปกับการบวชในครั้งนี้ แม้ต้องใช้เวลาในการบวชหลายวัน และได้ฝึกท่องจำบทสวดในขั้นต้นมาเป็นอย่างดี
มีโอกาสได้ไปชมการตลาดสายหยุด ซึ่งเป็นตลาดหลักของเมืองด้วย พบว่ามีการขายเสื้อผ้าและข้างของเครื่องใช้ที่จะใช้ในงานปอยส่างลองพร้อมเลยทีเดียว
สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ททท.สำนักงานแม่ฮ่องสอน โทร 053-612-982-3
ขอขอบคุณคุณสมฤดี จิตรจง ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ ททท.
และคุณสบธนา อั๋นประเสริฐ ผู้อำนวยการททท.สำนักงานแม่ฮ่องสอน
รวมถึงทีมงานททท.ภูมิภาคภาคเหนือและททท.สำนักงานแม่ฮ่องสอนทุกท่าน สนับสนุนการเดินทางของ Travelista นักเดินทาง